[4 มุมมอง]การประยุกต์ ใช้ Option เพื่อสร้างความได้เปรียบในการเทรด
- Betting — ใช้เพื่อเก็งกำไรส่วนต่างราคา Premium หรือ Payoff Chart
- Hedging — ประกันความเสี่ยง จัดการกับความเสี่ยง ในบางโอกาส
- Yield Enhancement — กลยุทธ์ที่เน้นเพิ่มผลตอบแทน ให้กับระบบเทรดเดิม
- Strategy to Strategy — สร้างโอกาสที่จะสร้างความได้เปรียบ กลยุทธ์แบบต่อเนื่อง
Betting เก็งกำไร Option
แนวคิดการนำ Option มาใช้งานอย่างแรกก็ตรงไปตรงมาคือการนำมาเก็งกำไรในเรื่องของทิศทางราคาได้โดยตรงเลย เช่น
long call = Betting : Up Trend ทายว่าจะขึ้น แรงๆ
long Put = Betting : Down Trend ทายว่าจะลง แรงๆ
Short Call = Betting : Down Trend and Sideway ทายว่าจะลง แต่ไม่แรง
Short Put = Betting : Up Trend and Sideway ทายว่าจะขึ้น แต่ไม่แรง
[Long Call] and [Long Put]
- ข้อดีคือ เป็นการการันตีขาดทุน การันตี Stop Loss ให้เราแน่นอน ไม่ว่าราคาจะไปฝั่งตรงข้ามจากที่เราคิดมากแค่ไหน เราก็จะเสียหายแค่ Premium ที่เราจ่ายไปเท่านั้น
- ป้องกันการโดน Stop Loss Hunting
- BE : จุดคุ้มทุน Long Call and Long Put อาจต้องนับรวม Premium ที่จ่ายออกไปด้วย ทำให้เหมือนว่าเราได้จุดเข้าที่แย่ลงเสมอ
- มันคือ Buy Stop ,Sell Stop ที่ต้องจ่าย SL ไปก่อนไม่ว่าจะได้ Order หรือไม่
- OTM ATM ITM : ส่งผลต่อจุด BE เพราะ Premium แต่ก็ไม่มีคำตอบที่ชัดเจนว่าควรใช้แบบไหน ผู้เขียนเข้าใจว่าอยู่ที่จุดประสงค์และการต่อยอดเพราะมีทั้งข้อดีและเสียที่ตามมา
- Premium Price : นอกจากกำไรที่เกิดขึ้นเมื่อวันสิ้นสุดสัญญา นักเก็งกำไรหลายคนเลือกที่จะเก็งกำไรที่ราคา Premium Price ตรงๆไปเลย มองให้เหมือนราคาสินค้าหนึ่ง เพราะเมื่อราคาสินค้าเคลื่อนไหวสอดคล้องกับทิศทางของ Option ก็เป็นธรรมชาติที่ราคา Premium Price จะแพงขึ้นจนเราสามารถขายต่อได้กำไร (นึกถึงการเก็งกำไรใบจองคอนโด)
- Time Value : แต่โปรดระวังเรื่องเวลาหมดอายุของสัญญา เพราะยิ่งเข้าใกล้วันหมดอายุสัญญา Premium Price ก็จะถูกลงเรื่อยๆ
[Short Call] and [Short Put]
- ข้อดีคือ เป็นการการันตีกำไร การันตี Take Profit ให้เราแน่นอน ไม่ว่าราคาจะไปถึงหรือไม่
- เสมือนเราได้กำไรมาก่อนเลยทันทีที่ทำสัญญาแต่อย่าลืมว่าถ้าเราไม่มีของเพื่อส่งมอบจริงเราก็ต้องวางลงเงินไว้ให้พอดีกับ Margin ด้วย
- ข้อเสียคือ หากคุณไม่มีของจริงๆ ไว้รอส่งมอบคุณอาจขาดทุนยับเลยก็ได้
- ถ้า Betting ตรงๆ โดยใช้ทุนจะค่อนข้างเสี่ยงเพราะ RR (Risk Reword) ไม่คุ้มเอามากๆ
โดยส่วนตัวผู้เขียนไม่แนะนำให้เก็งกำไรด้วย Option อย่างเดียวเพราะหากคุณสังเกตให้ดีจะพบว่า ทั้ง Long หรือ Short จะเริ่มต้นด้วยการเสียเปรียบก่อนเสมอ หากใช้เงินทุนของเราเข้ามาเสี่ยงในการเก็งกำไรแบบตรงๆ ย่อมเกิดผลเสียมากกว่าผลดี
แต่ที่เราต้องมาเรียนรู้เรื่องของการเก็งกำไร และมุมมองการเก็งกำไรด้วย Option เพราะเราสามารถใช้ประโยชน์จาก “ความเสียเปรียบ” ที่เราจ่ายออกไปก่อนนี้เพื่อวางกลยุทธ์การเทรดที่ซับซ้อนขึ้นได้ เหมือนการเล่น “หมากรุก” ที่เรายอมเสียเบี้ย หรือ เรือได้ เพื่อจบเกมบนกระดานนั้นเอง
Hedging ประกันความเสี่ยงด้วย Option
ทุกการลงทุนมีความเสี่ยงแต่เราสามารถจัดการกับความเสี่ยงนั้นได้ง่ายๆ ด้วยการใช้ Option ส่วนวิธีการนั้นก็ง่ายแสนง่ายด้วยการ Long Call หรือ Long Put เท่านั้น
กลัวอะไร ให้ซื้อประกันฝั่งนั้นไว้
พอพูดเรื่องการ Hedging หรือ การป้องกันความเสี่ยงแน่นอนมันต้องมาพร้อมกันการที่เราเทรดอยู่แล้วไม่ว่าจะด้วย Model หรือ System แบบไหนก็ตามเราย่อมรู้ดีว่าจุดอ่อนของระบบหรือความเสี่ยงของเราอยู่ตรงไหน เราก็สามารถใช้สัญญา Option เพื่อประกันความเสี่ยงในส่วนนั้นได้
เช่น ตัวผู้เขียนเองเทรดด้วยระบบ Grid Trading ในสินค้า BTC Spot ความเสี่ยงของระบบจะเป็นเรื่องของการหลุดโซน และราคาปรับตัวลงอาจทำให้ Position ที่ถืออยู่มีมูลค่าลดลง ดังนั้นผู้เขียนจึง Long Put Option ไว้จำนวนหนึ่งเพื่อป้องกันความเสี่ยงได้ มากที่สุดในอัตรา 1:1 หรือมากเท่าที่ต้องการได้เลยโดยที่เสียเฉพาะค่า Premium
Note :
- Long Put Option คือสัญญาสิทธิที่จะ “ขาย” ในราคาที่ตกลงกันไว้ เมื่อราคาลงแรง เราก็ยังสามารถขายที่ราคาสูงได้เช่นเคย
- เทรด Grid Trading แล้วติดดอย ก็จะมีกำไรจาก Option แทน แต่คือเรายอมติดอยู่แล้วนะ
- ทั้งนี้ผู้เทรดต้องเข้าใจระบบเทรดของตัวเองอย่างดีก่อน
ซื้อ Option ก่อนเทรด หรือเทรดไปก่อนแล้วค่อยซื้อ Option
ซื้อประกันไว้ก่อน แล้วค่อยเทรด : ต้องมั่นใจว่าสามารถเทรดให้ได้กำไรมากกว่าค่า Premium ก่อนที่สัญญา Option จะหมดอายุ เพราะถ้าเทรดไม่ได้ก็เท่ากับว่าขาดทุนนั้นเอง
เทรดไปก่อนมีกำไรค่อยแบ่งมาซื้อประกันไว้ : วิธีการนี้ผู้เขียนมีความชอบมากกว่าเพราะทำให้ไม่ต้องเครียดเวลาเทรด ไม่จำเป็นต้องเร่งทำกำไร ได้เท่าไรก็เท่านั้น เพราะว่าปรกติเราก็คำนวณความเสี่ยงของ Model เราไว้แล้ว Option เพียงมาช่วยให้ความเสี่ยงเดิมของเราลดลงเท่านั้น แลกกับกำไรที่ลดลงนิดหน่อย (แบ่งบางส่วนของกำไรมาเช่นเทรดได้ทุก 100 บาท ซื้อ Option Premium 20 บาท)
การแบ่งกำไรที่หาได้มาซื้อ Option เก็บไว้บ้าง เป็นวิธีการที่ง่ายและได้ผลดีมากในการลดความเสี่ยง แถมยังอาจได้กำไรมากขึ้นหาเราได้เคลมสิทธิของ Option ที่ซื้อไว้อีกด้วย
Grid Trading + Option Hedge
1. Long Put ไว้ก่อน แล้วกางโซนเทรดตามปรกติในอัตราส่วน 1:1
อาจซื้อไว้ที่กรอบโซนล่างของ Grid Trading เพื่อให้ได้เงินชดเชยหากราคาหลุดโซนล่างอย่างคาดไม่ถึง แต่ต้องคำนวณต้นทุน และอัตรากำไรให้ดีก่อน
ข้อดีคือ ทำให้สามารถเร่งกำไร หรือ ใช้เพื่อสร้าง Leverage เทียมให้กับระบบได้ แต่มีความเสี่ยงหากไม่สามารถสร้าง Cash Flow ออกมาได้ทันก่อนที่ Option จะหมดอายุ
2. วางกรอบวางโซนเทรด Grid Trading ตามปรกติไปเรื่อยๆ มอง Option เป็นส่วนเสริม
ก็เทรดไปเรื่อยๆตามปรกติ แต่ทุกครั้งที่มีความกลัว ก็ให้แบ่งส่วนของ Cash Flow ที่หามาได้สะสม Put หรือ Call ไว้บ้าง อาจสะสมไว้ที่กรอบบนหรือกรอบล่างของโซนที่เทรดก็ได้ (กลัวขึ้นแรงกำไรน้อยก็สะสม Call กลัวลงแรงติดดอยเยอะก็สะสม Put)
Note :
- บางครั้งไม่ได้เคลมก็ยังได้กำไรจาก Premium ที่สูงขึ้นได้เช่นกัน
- Payoff Chart ไม่ต้องสนใจเลยก็ได้ กรณีเราแบ่งกำไรมาสะสม Option เพราะมันคือเงินฟรีจากระบบอยู่แล้ว เหมือนเราได้ Option ฟรีมา (ถ้าเรามองมุมนี้ เราจะต่อกลยุทธ์ได้ง่ายและไวกว่า)
- ยากสำหรับหลายคน เพราะหลายคนไม่ยอมจ่าย หรือไม่ยอมเสียเงินเลย
- ซื้อประกัน อย่าหวังเคลม ไม่งั้นปวดหัว (ซื้อประกันชีวิต จะมีสักกี่คนที่อยากเคลม)
Yield Enhancement เพิ่มกำไรโดยไม่เพิ่มความเสี่ยง
คราวนี้เราจะมาเริ่มใช้สัญญา Option ในฝั่ง Short กันบ้างเปลี่ยนจากผู้ซื้อประกันมาเป็นผู้ขายประกันเพื่อกินเบี้ยฟรี
ทบทวนความเข้าใจของสัญญา Short Option กันอีกสักครั้ง เช่น Short Put คือการรับประกันกับผู้ซื้อว่า เราจะรับซื้อสินค้าจากเขาแน่นอนในราคาที่ตกลงกัน และได้รับเงินประกันไว้ก่อน
หากเรา Short Put ในราคาที่ต่ำกว่าราคาปัจจุบัน (Short Put OTM) โดยที่เราเตรียมเงินสดไว้พอที่จะซื้อ หรือมีแผนที่จะซื้อสินค้าในราคาดังกล่าวแล้ว ก็เท่ากับว่าเราจะได้ทั้งสินค้าในราคาที่เราต้องการ แถมยังได้เงินส่วนต่างเพิ่มเติมจาก Premium เพิ่มขึ้นมาด้วยนั้นเอง
Short Put OTM เทียบได้กับการตั้ง Buy Limit ไว้ที่ราคาที่เราต้องการ โดยที่ไม่ว่าราคาจะไปถึง Buy Limit นั้นหรือไม่เราก็จะได้กำไรจาก Premium เพิ่มมาด้วยแน่นอน (ซื้อขาย ตามแผนเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือได้ Premium)
Note :
- ส่วนมากจะสอนว่า Short Put อันตรายเพราะขาดทุนได้ไม่จำกัด แต่ถ้าเราใช้เพื่อวางกลยุทธ์และมีเงินสำหรับซื้ออยู่แล้ว ก็อีกเรื่องหนึ่งทันที
- Short Call ก็กลับกัน คือถ้าเรามีของ เตรียมขายอยู่แล้วก็จะไม่มีปัญหา
- ข้อเสีย ถ้าราคาลงแล้วขึ้นแบบ Flash เราก็จะพลาดได้ของถูก
- ข้อเสีย ถ้าราคาลงแรงๆ มากๆ เราเสียโอกาสเก็บของที่ราคา ที่ดีกว่า
Grid Trading + Option Yield Enhancement
สำหรับคนที่เทรดด้วยระบบ Grid Trading จะเข้าใจดีว่าเราจะต้องเหลือเงินสำรองไว้ซื้อของในโซนล่างอยู่แล้ว และมีของเหลือในสต๊อกที่รวบโซนไว้เพื่อรอขายในโซนบนอยู่อีกจำนวนหนึ่ง
เราสามารถที่จะนำ “เงินสด” ที่รอซื้อของมา Short Put ได้ในระดับราคาที่เราตั้งใจจะซื้อเพื่อทำกำไรค่า Premium ได้ (ไม่ลงไปก็ได้กิน Premium ลงไปจริงก็ซื้อของเข้าตามระบบ)
เราสามารถที่จะนำ “Asset” ที่รอขายมา Short Call ได้ในระดับราคาที่เราตั้งใจจะ ขาย เพื่อทำกำไรค่า Premium ได้ (ไม่ขึ้นไปก็ได้กิน Premium ขึ้นไปจริงก็ขายของออกตามระบบ)
Strategy to Strategy ชนะแล้วทำอะไรต่อได้อีกเยอะ
การใช้ Option ในการทำกลยุทธ์ นั้นมีมากมายหลายแบบจากข้อมูลที่ผู้เขียนเคยศึกษามานั้นการใช้ Option ทำกลยุทธ์ให้เกิดเป็น Payoff Chart นั้นสามารถทำได้มากกว่า 50 แบบขึ้นไป
กลยุทธ์รูปแบบที่แตกต่างกันนี้เกิดขึ้นได้โดยการใช้ Option ที่แตกต่างกันมากกว่า 2 สัญญา บางกลยุทธ์ใช้ Future เข้ามาร่วมด้วยทำให้เกิด Payoff Chart ในรูปแบบต่างๆ
สามารถเริ่มทำได้ตั้งแต่แรกหรือการวาง Option ครั้งแรกได้เลย แต่ในส่วนของผู้เขียนชอบที่จะทำหลังจาก Position มีกำไรหรืออยู่ในจุดที่ได้เปรียบก่อน
ตัวอย่าง : เมื่อเรา Long Call ไว้แล้วราคาปัจจุบันวิ่งไปเกินกว่า Strike Price แปลว่าได้กำไรแน่ๆ เราสามารถหยิบความได้เปรียบจากตรงนี้มาวางกลยุทธ์ต่อเนื่องได้เช่น
- เราสามารถเทรดฝั่ง Sell ได้ไม่เกินกว่าสัญญาที่เรามี สร้างกำไรจากการเทรด ก่อนวันหมดอายุสัญญา แถมยังการันตีว่าการเทรดเราจะไม่โดน SL ด้วย
- เคสเดียวกันคือเอามาวางโซน Grid Trading ต่อได้
- Short Call เพื่อให้เป็นกลยุทธ์ Buy Call Spread ยิ่งราคาวิ่งไปไกล ยิ่งได้เปรียบมาก กลายเป็นได้กำไรแน่ๆ แค่จะมากหรือ น้อย เท่านั้นเอง